วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

 
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับงูจงอาง 
        งูทั่วไปมีทั้งหมดกว่า 2,500 ชนิด (Species) พบทั่วไปใน ประเทศไทยที่มีอากาศร้อน ยิ่งพบมากเมื่อเข้าใกล้เส้นศูนย์สูตร งูพิษแทบทุกชนิด จัดอยู่ ใน วงศ์ Elapidae รวมทั้ง งูจงอางด้วย 
        งูจงอางมีชื่อสามัญว่า King Cobra มี ความยาวเฉลี่ย 3.7 เมตร อาจยาวถึง 5.5 เมตร มีลูกตาสีน้ำตาลอำพัน ลำตัวสีเขียวอมเทา หรือน้ำตาล มีลายปล้องสีเหลืองคาดทั่วไป ตัว ผู้มีลำตัวยาวกว่าตัวเมีย เมื่อถูกรบกวนจะชูคอยกตัวสูงประมาณ 1 ใน 3 ของความยาว ลำตัว และขยายแผงคอออก ที่เรียกกันว่า แผ่แม่เบี้ย มีนิสัยว่องไว ไม่ชอบความร้อน โดย เฉพาะ ความร้อนโดยตรงจากแสงอาทิตย์ ชอบนอนตามที่เย็นๆ เช่นกอไผ่ โพลงไม้ ซอกหิน พบ ชุกชุมตามป่าเกือบทุกภาคในประเทศไทย ยังพบทั่วไปในประเทศฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, พม่า, อินเดีย, และจีนตอนใต้ ไม่สามารถพบได้ในอเมริกา หรือยุโรป
         งู กลืนอาหารชิ้นใหญ่ๆ ได้เนื่องจากกระดูกกราม และกะโหลกยึดติดกันด้วยเอ็น จึงเคลื่อนและยึดขยายออกได้ งูจงอางเป็นงูพิษ มีเขี้ยวแข็ง เขี้ยวจะยึดติด กับเหงือกแน่น ไม่สามารถหดหรือพับได้ แตกต่างจากงูที่มีเขี้ยวอ่อนสามารถเก็บเขี้ยวไว้ใต้เพดานปากได้ เช่น งูหางกระดิ่ง ปกติงูจงอางไม่ใช่งูที่ดุร้าย แต่มีพิษที่รุนแรงต่อระบบประสาท ซึ่งเป็น คุณสมบัติเด่น เมื่องูจงอางฉกกัดเหยื่อจะฉกแรง บางครั้งเขี้ยวมักจะหลุดติดออกไปด้วย เขี้ยวพิษจะงอกใหม่ได้เป็นระยะๆ ปกติจะงอกออกมาก่อนเขี้ยวเก่าจะหลุด บางเวลาจึงเห็น งูมีเขี้ยวข้างละ 2 เขี้ยวได้ งูจงอางสามารถฉกกัดในระยะห่างไม่เกิน 18 เมตร เมื่อฉกกัดต้อง กัดค้างไว้ แล้วจึงปล่อยพิษจากต่อมพิษ 2 ต่อมบริเวณหลังดวงตา ไม่สามารถ พ่นพิษได้ เหมือนงูเห่า
        งูทุกชนิดกินสัตว์ด้วยกัน งูใหญ่จะกินสัตว์จำพวกแมลง กบ หนู มีงูบางชนิด ที่กินงูด้วย กัน คือ งูจงอาง ดังนั้นงูจงอางจึงมีส่วนสำคัญในการรักษาระบบนิเวศ สร้างความสมดุลแก่ ธรรมชาติโดยเฉพาะการควบคุมปริมาณสัตว์ในธรรมชาติไม่ให้มี มากเกินไป งูจึงเป็น สัตว์ สำคัญยิ่งต่อความยั่งยืนของธรรมชาติ 
      งูมีสายตาที่พัฒนาดีมาก มีความฉลาดอยู่ระหว่างปลากับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่สามารถเปล่งเสียงแท้จริง แต่ทำเสียง “ฟ่อ” ได้ ดัง ทั้งนี้เป็นการขู่ศัตรู งูเป็นสัตว์หูหนวก ไม่ได้ยินเสียงขู่ฟ่อของกันและกัน รับรู้ด้วยการสั่นสะเทือนที่มากระทบตัวจากพื้น ลิ้นงูแลบออกมารับกลิ่น และเคลื่อนเหยื่อไปตามเพดานปาก
        โดยทั่วไป งูจงอางมีการผสมพันธุ์เป็นฤดูกาล โดยจะสืบพันธุ์ในฤดูฝน หรือช่วงฝนตกชุกระหว่างเปลี่ยนฤดู การผสมพันธุ์จะใช้เวลานาน 1 - 2 ชั่วโมง บางครั้งอาจสั้นไม่ถึงชั่วโมงได้ งูที่ขังรวมกันในสวนสัตว์จะพบการผสมพันธุ์ได้หลายครั้ง จะมีการวางไข่ประมาณ 1-2 เดือน หลังการผสมพันธุ์ 

          งู จงอางเป็นงูชนิดเดียวที่สร้างรังไข่ ทำรังลึกลงในดิน 4-5 เซนติเมตร ใช้ใบไม้และ เศษดินในการทำรัง อุณหภูมิเหมาะสม ต่อไข่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส ความชื้นสูง 95% หลังจากการวางไข่ งูจงอางจะเฝ้าไข่ แต่ไม่กกไข่ (งูหลามจะกกไข่) จะวางไข่ครั้งละ 5-50 ฟอง หรือโดยเฉลี่ยครั้งละ 30 ฟอง ขนาดไข่งูจงอางอยู่ที่ 5x3 ซม. ถึง 6x4 ซม. ไข่เป็นรูปรีเปลือกไข่ จะเป็นหนังนิ่ม และขยายขนาดขึ้นได้ ตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ไข่ใช่เวลา ฟักนาน 60-120 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ และ ความชื้นขณะฟัก ลูกงูจะเจาะไข่ออกมา ด้วย ฟันซี่พิเศษเรียก “egg tooth” ฟัน ซี่นี้จะหลุดไปในไม่ช้าหลังจากงูออกมาจากไข่แล้ว ลูกงู มีลักษณะเหมือนพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิด มีความยาว 35 ซม. ปราดเปรียว ว่องไว มีพิษพอ ที่จะ กัดเหยื่อ และคนให้ตายได้ ช่วยเหลือตัวเอง โดยหาอาหารกินเองได้ทันที สามารถ แผ่แม่เบี้ย ได้อย่างสวยงาม สีสันลำตัวคาดปล้องด้วยสีเหลืองสดใส สะดุดตาแลดูแล้วเป็นที่น่าสนใจ งูจงอางจะจำศีลในช่วงฤดูหนาว หรือร้อนจัด งูจะเติบโตโดยอาศัยการลอกคราบ ถ้า อาหาร สมบูรณ์จะลอกคราบทุก 30 วัน เพียงระยะเวลา 1-5 ปี งูสามารถโตได้เต็มที่ งูมีอายุยืน ประมาณ 30 กว่าปี ผลการค้นห




งูจงอาง งูบองหลา (ภาคใต้)
King Cobra
Ophiophagus hannah, Cantor
อยู่ในวง Elapidae มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยาว 4.50 เมตร (หัว 95 มม. ตัว 3,785 มม. หาง 620 ม.ม.) เคยพบยาวถึง 5 เมตร เป็นงูที่มีหัวมนโต เกล็ดบนหัวใหญ่ ตัวยาว หางเรียว นิสัยดุ ปราดเปรียว โดยเฉพาะเมื่อเป็นงูวัยรุ่นขนาดยาวประมาณ 1,500-2,500 ม.ม.จะว่องไวมาก แต่เมื่อมีขนาดโตมากขึ้นจะเชื่องช้าและความดุลดลง งูจงอางยกหัวชูคอแผ่แม่เบี้ยได้ประมาณ 1 ใน 3 ส่วนของความยาวลำตัวทั้งหมด แม่เบี้ยจะแผ่ได้แคบกว่างูเห่าเมื่อเทียบตามส่วนมีเขี้ยวพิษสั้นและผนึกแน่นในลักษณะ Proteroglypha เป็นงูป่าโดยเฉพาะชอบอาศัยในป่าทึบ ป่าชายเลน อาจเลื้อยเข้ามาหากินตามไร่ชายป่าบ้าง รู้จักทำรังวางไข่และกกฟักไข่ ออกไข่ครั้งละ 20-35 ฟอง ปกติจะเที่ยวออกหากินตามที่ร่ม ไม่ร้อนจัดในเวลากลางวันจนถึงพลบค่ำ ชอบกินงูชนิดอื่นที่มีขนาดเล็กกว่า ตะกวด หนู
งูจงอางพบทุกภาคของไทยเว้นในย่านตัวเมือง งูจงอางที่อาศัยทาง ภาคใต้ชาวบ้านเรียกว่า งูบองหลา จะมีขนาดใหญ่กว่าที่พบในภาคอื่น ๆ มีสีเขียวอมเทา ลายตามตัวและส่วนหางไม่เข้มชัดเจน งูจงอางที่อาศัยอยู่บริเวณ ภาคกลางเช่น บริเวณป่าชายเลนสมุทรสาครจะมีสีสดใสกว่า บางตัวสีเขียวอม สีเหลืองส้มลายขวั้นตามตัว และลายดำที่ส่วนหางเข้มชัดเจน งูจงอางที่อยู่ภาค เหนือ เช่น ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีขนาดเล็กกว่าที่พบทุกภาค มักมีสีเขียวอม ดำคลํ้า ปล้องสีดำที่หางใหญ่ ลูกงูจงอางตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งออกจากไข่จะมีสีดำ ลายขาว และจะเปลี่ยนสีเหมือนงูที่โตแล้ว เมื่อมีความยาวประมาณ 800-1,000 ม.ม.ในระยะผสมพันธุ์งูจงอางตัวผู้จะมีสีส้มที่ใต้คาง
นอกจากในประเทศไทย ยังพบงูจงอางในอินเดีย พม่า จีนตอนใต้ อินโดจีนและมาเลเซีย เคยมีบันทึกว่าพบในฟิลิปปินส์ด้วย
พิษงูจงอาง ส่วนใหญ่มีผลต่อระบบประสาทเป็น neurotoxin เหมือนงูเห่า แต่ปริมาณน้ำพิษมีมากกว่า เพราะตัวโตต่อมพิษใหญ่ ความรุน
แรงต่อผู้ป่วยจึงมากกว่าถูกงูเห่ากัด ถ้าเทียบจำนวนหยดหรือ ม.ล.ระหว่างพิษ
งูจงอางและพิษงูเห่า พิษงูเห่ามีความรุนแรงมากกว่า
อาการและอาการแสดง เหมือนถูกงูเห่ากัด แต่อาการเกิดเร็วกว่า หยุดหายใจถึงแก่ความตายได้ใน 2-3 นาที ถึงหกชั่วโมง ผู้ป่วยที่ถูกงูจงอางที่นำมาเลี้ยงไว้ในเมืองกัดหรือกัดผ่านกางเกงผ้าที่หนา กัดไม่ถนัด อาการแสดงทั่วไปอาจไม่รุนแรงมาก
การรักษา ให้เซรุ่มแก้พิษงูจงอางจำนวนมากติดต่อกันในครั้งแรก เฝ้าดูเรื่องการหายใจ และอัมพาตของกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการกลืน ขา แขน ให้เซรุ่มจนอาการดังกล่าวหายไปบางรายให้เซรุ่มขนาดมากในครั้งแรก ผู้ป่วยดีขึ้น ผู้รักษาคิดว่าให้เซรุ่มพอแล้ว แต่อาการอัมพาตของกล้ามเนื้อ เกี่ยวกับการกลืน หายใจและศูนย์หายใจกลับเป็นใหม่ และเลวลงรวดเร็ว ฉะนั้นแพทย์ต้องเฝ้าดูใกล้ชิดมีเซรุ่มเตรียมพร้อมจำนวนมากพอ
การรักษาแผลและการรักษาอย่างอื่นเหมือนกับรักษาผู้ป่วยถูกงูเห่ากัด

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

งูจงอาง ดง
ลักษณะของงูจงอาง ดง
      ลักษณะของงูจงอางดง งูจงอางดงมีลักษณะตัว ดำ ความยาวของงูช่วงโตเต็มวัยยาวได้ถึงประมาน  4 -5.8  เมตร   น้ำหนัก หนักได้ถึง 8 – 9 กิโลกรัม(ต่อหนึ่งตัว) ที่อยู่อาศัยส่วนมากอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบได้ตามพื้นที่มีน้ำ เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง สระน้ำ กอหญ่าเล็กๆ  เป็นต้น เพราะงูชนิดนี้เป็นงูขี้ร้อนขาดน้ำไม่ได้ อาหารของงูจงอางดง คือ งูด้างแห งูทางมะพร้าว งูปลา 
งูสิงเล็ก แม้กระทั้งงูจงอางเหมือนกัน งูจงอางดงออกหากินทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ในแต่ละเดือนงูจงอางจะออกกินประมานเดือนละสองครั้ง เพราะงูจงอางกินอาหารในแต่ละครั้งจะอยู่ได้ ถึง13 – 15 วัน งูชนิดนี้เวลาออกหากินแร้ว เมื่ออิ่มจะนอนอยู่นิ่งๆไม่ดุร้าย ช่วงเวลาผสม งูจงอางดงจะผสมในช่วงปลายเดือน มีนาคม ถึง ต้นเดือนเมษายน ในแต่ละปีจะผสมพันธ์เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี
ระยะเวลาในการตั้งท้องไปอีก 3 – 4 สัปดาห์ ในการออกไข่งูจงอางดงท้องแรก จะออกไข่ประมาน 25 – 30 ฟอง แต่งูจงอางตัวเมียโตเต็มวัยจะออกไข่ได้ถึงประมาน 35 – 45 ฟอง ลูกงูในไข่จะกินน้ำเลี้ยงอยู่ในไข่ก่อนจะออกมาสู่โลกฟากนอกน้ำเลี้ยงในไข่จะ ทำให้ลูกงูจงอางอยู่ได้ประมานหนึ่งเดือน ถ้าลูกงูหาอาหารกินไม่ได้ลูกงูจะตายในที่สุด และในการออกจากไข่ต้องเอาชีวิตให้รอดจากศัตรู เช่น นก แมว หรือ งูจงอางด้วยกัน (พ่อแม่ตัวเอง) เพราะงูจงอางจะห่วงไข่ของตัวเองมาก แต่เวลาฟักไข่งูจงอางดงจะไม่รู้เลยว่างูจงอางเล็กๆที่อยู่ไกล้ๆ ว่าเป็นลูกของตัวเอง
พิษของงูจงอางดง
     พิษของงูจงอางดง ร้ายแรงมากน้ำพิษของงูจงอางดงในแต่ล่ะตัวสามารถกัดให้คนตายได้ 108 คน ต่อ 1 งูจงอางดงตัว และในแต่ล่ะครั้งงูจงอางดงจะกัดไม่ปล่อยจนกว่าเยื่อนิ่งหรือตาย

วิธีประถมพยาบาล(แก้พิษงูจงอางดงเบื้องต้น)
1.หาเชือกหรืออะไรก็ได้ที่เป็นเส้นรัดตรงที่งูกัดได้ให้แน่พอประมาน
2.อาบน้ำให้คนที่โดนกัดอยู่ตลอดจนให้คนที่โดนกัดรู้สึกหนาว
3.ปลุกคนที่โดนกัดตื่นตัวอยู่เสมอห้ามหาหลับโดยเด็จขาด
4.รีบนำตัวคนที่โดนงูกัดส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดและแจ้งหมอด้วยว่าโดนงูอะไรกัดมา







งูจงอาง ทำทาน
ลักษณะของงูจงอาง ทำทาน
      ลักษณะของงูจงอางทำทาน งูจงอางทำทาน มีลักษณะตัว ลำตัวดำ มีลายเม็ดข้าวสารแซกเป็นปองๆ ความยาวของงูช่วงโตเต็มวัยยาวได้ถึงประมาน  4 - 6  เมตร   ที่อยู่อาศัยส่วนมากอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ พบได้ตามพื้นที่มีน้ำ เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง สระน้ำ กอหญ่าเล็กๆ  เป็นต้น เพราะงูชนิดนี้เป็นงูขี้ร้อนขาดน้ำไม่ได้ อาหารของงูจงอางดง คือ งูด้างแห งูทางมะพร้าว งูปลา 
งูสิงเล็ก แม้กระทั้งงูจงอางเหมือนกัน งูจงอางทำทานออกหากินทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ในแต่ละเดือนงูจงอางจะออกกินประมานเดือนละสองครั้ง เพราะงูจงอางกินอาหารในแต่ละครั้งจะอยู่ได้ ถึง14 – 15 วัน งูชนิดนี้เวลาออกหากินแร้ว เมื่ออิ่มจะนอนอยู่นิ่งๆไม่ดุร้าย ช่วงเวลาผสม งูจงอางดงจะผสมในช่วงปลายเดือน มีนาคม ถึง ต้นเดือนเมษายน ในแต่ละปีจะผสมพันธ์เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี
และจะตั้งท้องไปอีก 3 – 4 สัปดาห์ ในการออกไข่งูจงอางทำทานท้องแรก จะออกไข่ประมาน 25 – 35 ฟอง แต่งูจงอางตัวเมียโตเต็มวัยจะออกไข่ได้ถึงประมาน 40 – 50 ฟอง ลูกงูในไข่จะกินน้ำเลี้ยงอยู่ในไข่ก่อนจะออกมาสู่โลกฟากนอกน้ำเลี้ยงในไข่จะ ทำให้ลูกงูจงอางทำทานอยู่ได้ประมานหนึ่งเดือน ถ้าลูกงูหาอาหารกินไม่ได้ลูกงูจะตายในที่สุด และในการออกจากไข่ต้องเอาชีวิตให้รอดจากศัตรู เช่น นก แมว หรือ งูจงอางด้วยกัน (พ่อแม่ตัวเอง) เพราะงูจงอางทำทานจะห่วงไข่ของตัวเองมาก แต่เวลาฟักไข่งูจงอางทำทานจะไม่รู้เลยว่างูจงอางเล็กๆที่อยู่ไกล้ๆ ว่าเป็นลูกตัวเอง







วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

งูจงอาง (อังกฤษKing Cobra) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลื้อยคลาน เป็นงูพิษขนาดใหญ่ โดยทั่วไปมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 6.5 - 8 เมตร[1] จัดเป็นงูพิษที่มีขนาดยาวที่สุดในโลก ซึ่งตัวที่ยาวเป็นสถิติโลกมีความยาวถึง 14 เมตร เป็นงูจงอางไทยลำตัวสีดำ ถูกยิงได้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2549[2]น้ำหนักประมาณ 15 - 30 กิโลกรัม มีลูกตาดำและกลม หัวใหญ่กลมทู่ สามารถแผ่แม่เบี้ยได้เช่นเดียวกับงูเห่า ลำตัวเรียวยาว ว่ายน้ำเก่ง มีหลายสีแต่โดยทั่วไปจะมีสีน้ำตาลแดงอมเขียว หรือลำตัวสีเขียวอมเทา สีดำ สีนํ้าตาล และสีเขียวอ่อนเกือบขาว ส่วนพบเยอะที่สุดคือ สีดำและเขียวอมเทา และ สีนํ้าตาล น้อยสุดก็สีเขียวอ่อนเกือบขาว ท้องมีสีเหลืองจนเกือบขาว มีสีแดงเกือบส้มที่บริเวณใต้คอ มีพิษ มีผลทางระบบประสาท (Neurotoxin) ที่รุนแรง พิษของงูจงอางสามารถทำให้คนหรือสัตว์ตายได้[3] โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 75%[3][4][5] เนื่องจากปริมาณพิษที่ฉีดออกจากเขี้ยวพิษมีมาก งูจงอางมีนิสัยค่อนข้างดุร้าย แต่ถ้าไม่จวนตัวหรือถูกรุกรานก่อนจะไม่ทำร้าย อาหารของงูจงอางคืองูอื่น ๆ เช่น งูสิง งูทางมะพร้าว งูเห่า งูเหลือม งูหลาม งูน้ำ งูสามเหลี่ยม งูกินปลา งูทับสมิงคา งูเขียว และ งูจงอาง และ งูอนาคอนด้า ที่มีขนาดเล็กกว่า กบหรือตะกวดและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเช่นหนู เป็นต้น
งูจงอางจัดอยู่ในสกุล Ophiophagus ซึ่งเป็นงูเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุลนี้ โดยมีรากศัพท์จากภาษาละตินมีความหมายว่า "กินงู" ซึ่งหมายความถึงการล่าเหยื่อของงูจงอาง เพราะงูในสกุลนี้ กินงูอื่นเป็นอาหาร พบในประเทศไทย ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศมาเลเซีย สำหรับประเทศไทยมีมากในป่าจังหวัดนครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และนครราชสีมา และในป่าทุกภาค แต่ชุกชุมทางภาคใต้มากที่สุด[6]ซึ่งในภาษาใต้เรียกว่า งูบองหลา[7] ปัจจุบันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535